เทปเพลง ถือเป็นเครื่องมือในการฟังรุ่นแรกที่บางทีหลาย ๆ คนอาจจะเกิดไม่ทันเสียด้วยซ้ำ และเมื่อมันเดินทางมาอยู่ในยุคปัจจุบัน จึงทำให้มันกลายเป็นของที่มีความวินเทจ หรือความเก่า แต่ยังดูมีคุณค่าและมีความน่าค้นหาอยู่ในตัว อย่างคนที่เราเรียกได้ว่าเป็นนักสะสมเทปเพลงเลยก็ว่าได้ในประเทศไทยที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนจะต้องู้จักเขาแน่ ๆ นั่นก็คือ คุณเจ ณัฐพล สว่างตระกูล เจ้าของร้าน Cassette Shop ที่เป็นผู้ทำให้ใครหลายคนหันกลับมาฟังเทปคลาสเซ็ตอีกครั้ง เรามาดูกันค่ะว่ากว่าจะมีทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง
กว่าจะมาเป็นร้าน Cassette Shop จากปากของนักสะสม เทปเพลง
คุณเจ ณัฐพล สว่างตระกูล เจ้าของร้าน Cassette Shop ถือเป็นผู้บุกเบิกและผู้ที่ทำให้เทปคลาสเซ็ตที่เคยเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในสมัยก่อนให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้งในยุคสมัยนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง และมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามด้วย อย่างเทปเพลงที่เคยเป็นสิ่งยอดนิยมในตอนนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยอุปกรณ์ MP3 หรือขยับให้ดีขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นไอพอดและในตอนนี้ก็กลายเป็นโทรศัพท์มือถือที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจเราและการฟังเพลงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนคงจะชื่นชอบกันอยู่แล้วอย่างแน่นอน
ซึ่งหากมองย้อนไปในตอนนั้นเทปเพลงถือว่ามีคุณค่ามาก ๆ ทำให้คุณเจนั้นเกิดความคิดที่อยากจะนำความวินเทจที่ชวนคิดถึงเหล่านี้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเขานั้นก็ได้ทุกวิถีทางที่จะสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาและลลงลึกในเรื่องราวเหล่านี้อย่างเจาลึกคล้ายกับการวิจัยการตลาดอย่างหนึ่งเลย ด้วยความที่คุณเจ เป็นคนที่รักในการสะสมเทปเพลงและมีเพื่อนที่เป็นนักดนตรีและอยู่ในแวดวงดนตรี เขาจึงต้องการที่จะทำให้สิ่งที่ทำอยู่สามารรถช่วยเหลือกลุ่มเพื่อนและศิลปินเหล่านี้ได้ด้วยการทำเทปเพลง
ซึ่งคุณเจได้เล่าว่าในตอนแรกนั้นทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเลยเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลแบบเจาะลึก และยังต้องติดต่อศิลปินเพื่อมาทำการทำเทปตัวตนเองด้วย และแน่นอนค่ะว่าเรื่องเหล่านี้มันต้อมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งศิลปินที่มาร่วมงานก็จะต้องถามกันอยู่แล้วว่า หากทำเทปเพลงด้วยแล้วจะได้อะไร ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเจต้องทำการกู้ทุนเพื่อมาทำในสิ่งตรงนี้เพื่อเป็นการหารายได้ให้กับศิลปิน เขาลงทุนจนถึงขั้นที่ว่าต้องใช้วิธีการให้แฟนคลับซื้อบัจนคอนเสิร์ตเพื่อให้มาดูคอนเสิร์ตของศิลปินเหล่านั้นที่บ้านของตัวเอง
ในตอนแรกแทบจะไม่มีใครที่เห็นด้วยกับความคิดของเขาเลยแม้แต่คนเดียว และเขาเองก็ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ๆ ที่จะต้องทำงานแบบนี้อีกทั้งยังต้องผ่านอะไรมามากมายขนาดนี้ แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นมันคุ้มค่าจริง ๆ เพราะมันทำให้มีศิลปินหลาย ๆ คน เริ่มกลับมาสนใจในการทำเทปซึ่งก็ทำให้บรรดาฐานแฟนคลับต่าง ๆ หันกลับมาอุดหนุนเทปเพลงเหล่านี้อีกครั้งเช่นเดียวกัน จากความวินเทจที่เคยถูกลืม จึงได้กลับมาเป็นความวินเทจที่ชวนคิดถึงอีกครั้งตั้งแต่นั้นมา
ซึ่งเทปคลาสเซ็ต ถือว่าเป็นสิ่งของที่ทำให้ชีวิตของเราในตอนนั้นดูมีความสุขกันเป็นอย่างมาก เพราะช่วยให้เพลิดเพลินและเปี่ยมไปด้วยความสุขได้เป็นอย่างดีจากเสียงเพลงที่ออกมาจากเครื่องนั้น และในตอนนี้มันก็ได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งแล้ว ซึ่งก็ทำให้ใครที่คิดถึงเทปเพลงเก่า ๆ ที่เป็นที่คิดถึงนั้นสามารถหาซื้อมาฟังได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญการที่คุณเจได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการที่ทำให้วงการเทปเพลงเก่ากลับมานี้ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้คนรุ่นหลังนั้นได้ทำความรู้จักกับเทปคลาสเซ็ตที่มีแค่ในตำราและได้หายไปครู่หนึ่งให้กลับมาเป็นที่รู้จักได้เป็นอย่างดี เลยทีเดียว
อีกทั้งยังรู้สึกถึงความตั้งใจของคุณเจ ที่ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่เขาต้องเสียอิสระของตัวเองไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั้น มันแลกกับการที่ทำให้ศิลปินหลาย ๆ คน ได้หันกลับมาสนใจในการทำเทปเพลงเหล่านี้มากขึ้น และยังทำให้เกิดรายได้ขึ้นทั้งกับตัวเขาเองและกับผู้ที่ได้มาร่วมงาน มันถือเป็นเกียรติและเป็นความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับที่เรานั้นสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะมันเป็นความตั้งใจของคุณเจตั้งแต่แรกอยู่แล้วในการที่จะทำให้ศิลปินเหล่านี้มีอาชีพและได้หวนย้อนถึงวันวานไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งหากใครที่อยากมาร้านของคุณเจ หรือร้าน Cassette Shop ร้านเทปเพลงเก่าที่ชวนคิดถึงนี้ ก็สามารถมาได้ที่ ซอยพหลโยธิน 11 บริเวณชั้น 2 ของร้านกาแฟ Hub39 Coffee Bar ที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงบรรยากาศของการย้อนกลับไปในวันวานในสมัยที่เทปเพลงนั้นยังเป็นสินค้ายอดนิยมสำหรับคนที่รักการฟังเพลงแบบนี้ และซื้อกลับมาเก็บเป็นของสะสมเหมือนที่เคยทำกันในครั้งก่อนได้อีกด้วย
ที่มา https://www.fungjaizine.com/
อ่านต่อที่ ของหายาก