เสื้อยืดวินเทจเรียกได้ว่าเป็นเสื้อที่มีความเท่และมีความเก๋าเกมอยู่ใสตัว ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบในเสื้อยืดวินเทจอยู่แล้วก็จะรู้กันเลยว่าเสื้อวินเทจที่ควรซื้อนั้นควรเป็นอย่างไรและมีจุดใดที่ต้องสังเกตก่อนเลือกซื้อกันบ้าง แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้เองเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะวันนี้บทความของเราได้นำเอา 5 ข้อที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ เสื้อวินเทจ มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้กันว่าควรเลือกซื้ออย่างไรจึงจะมีความคุ้มค่ามากที่สุดมาให้ทุกท่านได้รู้กันค่ะ
5 ข้อ ที่คนซื้อเสื้อยืดวินเทจต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ
การเลือกซื้อเสื้อยืดวินเทจนั้นก็มีหลายสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อเพื่อที่จะทำให้เราสามารถเลือกซื้อ เสื้อยืดวินเทจ ที่เป็นของดีและมีความคุ้มค่าในเรื่องของลวดลายที่เลือกมาบสกกับเรื่องของราคาให้มากที่สุดและวันนี้บทความของเราก็ได้นำเอาทริคในการเลือกซื้อเสื้อยืดวินเทจมาให้ทุกท่านได้รู้จักกัน จะมีสิ่งใดที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อบ้างนั้นเรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1. ดูที่ป้ายหรือ TAG
เสื้อวินเทจนั้นจะมีอายุอยู่ที่ 20 ปีค่ะ ซึ่งก็สมมุติว่าปี้คือปี 2022 เสื้อที่ถูกผลิตในปี 2002 ลงไปก็จะเป็นเสื้อวินเทจทั้งหมดเลยนั่นเอง ซึ่งที่เราจะต้องสังเกตป้ายแท็กเหล่านี้นั้นก็เพราะว่าในแต่ละแบรนด์เขาจะมีการเปลี่ยนแปลงป้ายที่คอเมื่อถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถแยกแยะและรับรู้ได้ว่าป้ายที่คอของเสื้อตัวนี้อยู่ในรุ่นไหนหรืออาจจะเขียนว่า Since กำกับไว้ด้วยในบางรุ่น ซึ่งก็จะทำให้เรารู้ว่าเสื้อนี้วินเทจหรือไม่ได้นั่นเอง
2. ตะเข็บเดี่ยวหรือตะเข็บคู่
ในการเย็บตะเข็บของเสื้อแนววินเทจนั้นมักจะเน้นไปที่เรื่องของการเย็บตะเข็บเสื้อด้วยด้ายเพียงเส้นเดียว โดเฉพาะชายเสื้อและแขนเสื้อ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าในช่วงทศวรรษที่ 60-70 นั้น ทางประเทศสหรัฐอเมริกาที่ใช้เครื่องจักรในการเย็บผ้านั้นมักจะใช้วิธีการเย็บด้วยด้ายเพียงเส้นเดียว ซึ่งก็ถือเป็นกฎข้อแรก ๆ ที่ทางบริษัทผลิตเสื้อในประเทศนั้นนิยมทำกัน ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่าเสื้อรุ่นที่เราซื้อมาเก็ยสะสมนี้เป็นเสื้อวินเทจจิงหรือไม่นั่นเอง
3. เนื้อของผ้า
จะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าในสมัยนี้เสื้อผ้าส่วนใหญ่ จะนิยมใช้เป็นผ้าคอตตอนแบบ 100% แต่หากเป็นเสื้อวินเทจนั้นเขาจะนิยมเป็นเสื้อที่มีความบางนุ่มมากกว่าเสื้อในสมัยนี้ โดยหากเป็นเสื้อวินเทจในสมัยก่อนนั้นมักจะเป็นเนื้อผ้าที่มีการสมกันค่ะ เช่น อาจเป็น คอตตอน 100% และโพลีอีสเตอร์อีก 50% แบบนี้เขาก็จะเรียกกันว่า “ผ้า 100” ค่ะ แต่ก็จะมีในรูปแบบของผ้าที่เรียกกันว่า “ผ้า 50” อีก ซึ่งก็จะเป็นการผสมระหว่าง ผ้าคอตตอน 50% และ ผ้าโพลีอีสเตอร์ 50% เมื่อระยะเวลาผ่านไปนั้นผ้าที่เป็นเนื้อโพลีอีสเตอร์ก็จะค่อย ๆ จางหายไปเหลือแต่ผ้าคอตตอนที่เป็น 50% เอาไว้นั่นเอง ซึ่งก็จะทำให้ผ้ามีความบางและนุ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. ลวดลายสกรีนบนเสื้อ
ในเรื่องของการลวดลายนี้เชื่อหรือไม่คะว่าเป็นตัวตัดสินความเป็นเสื้อวินเทจได้มากกว่าการสังเกตปกคอเสื้อ เนื้อผ้า กชหรือว่าจะเป็นตะเข็บเสื้อเสียอีก เพราะในแต่ละยุคนั้นเขาก็จะมีการ์ตูนหรือสื่อบันเทิงต่างๆ ที่แตกต่างกันไปนั้นทำให้เราสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเสื้อตัวนี้ที่มีลายแบบนี้เป็นเสื้อในช่วงยุคไหนนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเสื้อที่เป็นสไตล์วินเทจนั้นก็จะมีหลากหลายรูปแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อวงที่เป็นเสื้อลายของวงดนตรีต่าง ๆ ในสมัยนั้น หรือจะเป็นเสื้อที่มีลายการ์ตูน หนัง ธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นโลโก้ของสินค้าต่าง ๆ เกิดขึ้นในสมัยนั้นนั่นเอง ซึ่งนี่ก็จะทำให้เราสามารถรู้ได้ค่ะว่าเสื้อตัวที่เราจะซื้อมาเก็บสะสมนั้นเป็นเสื้อวินเทจของแท้จริง ๆ
5. การดูของแท้หรือของปลอม
เสื้อวินเทจถึงแม้จะเป็นเสื้อที่มีความเก่าอยู่ในตัวอยู่แล้วยังไงก็ยังต้องดูเรื่องของของแท้หรือของปลอมกันอยู่ดีค่ะ เพราะอย่างที่เราได้บอกไปเบื้องต้นว่าเสื้อวินเทจนั้นมีอายุ 20 ปี ซึ่งก็จะต้องมีอายุ 20 ปี จริง ๆ ไม่ใช่เพิ่งผลิตมาแค่วันนี้หรือเมื่อวานแต่พอนำมาขายให้เราบอกว่าเป็นเสื้อวินเทจที่มีอายุเท่านั้นเท่านี้ ซี่งวิธีการดูนั้นก็จะมีหลากหลายวิธีค่ะ อย่างเรื่องของการดูที่เครื่องหมาย Copy Right ที่เป็นเครื่องหมายสงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งก็อาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏตามเสื้อวงหรืออาจจะเป็นเสื้อของการ์ตูนของค่ายต่างๆ ซึ่งก็จะมีการระบุที่ให้ลิขสิทธิ์เอาไว้ด้วยนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 5 ข้อควรระวังในการที่จะเลือกซื้อ เสื้อวินเทจ มาใส่กัน ซึ่งแต่ละข้อนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่มีความใกล้ตัวอีกทั้งยังจำเป็นต้องอาศัยการสังเกตให้ดีในขณะที่ทำการเลือกซื้อ โดยเฉพาะเรื่องของเนื้อผ้า การเลือกลวดลาย ไปจนถึงเรื่องของราคาจะต้องมีความเหมาะสมกันในทุกด้าน จึงจะถือว่าการเลือกซื้อเสื้อยืดวินเทจนั้นมีคุณค่าสูงสุดนั่นเอง
ที่มา
อ่านต่อที่ ของเล่น